26 ก.พ. 2554

ผลงาน วงdeep o sea

วง Deep O See

 
วง Deep O See เป็นวงที่เล่นเพลงสไตล์เรกเก้ สกา เเต่จะออกไปทางเรกเก้มากกว่าสกา ในเนื้อหาของเพลงจะสื่อถึงทะเลเเละการไปเที่ยวทะเล เพลงที่ฟังเเล้วทำให้เรานึกถึงทะเลเเละนึกอยากไปเที่ยวทะเลโดยทะใดนั้น ก็คือ เพลงเกาะสมุย ที่กำลังมาเเรงในช่วงนี้ จังหวะสนุกๆ อีกเพลงที่เพราะไม่เเพ้กัน คนที่อกหักในฤดูนี้เเล้วชอบเพลงสไตล์เรกเก้ก็ต้องเพลงนี้เลยครับ เพลง Reggae หน้าฝน เพลงนี้จังหวะเบาะๆ ฟังเเล้วเข้ากับบรรยากาศในฤดูฝนพอดี อีกเพลง Reggae Cocktail เนื้อหาชวนไปเที่ยวทะเลในเวลาที่อากาศร้อน เพลงนี้จังหวะสนุก ชวนให้ลุกขึ้นขยับร่างกายตามจังหวะ เเต่เพลงอื่นๆ ก็เพราะไม่เเพ้กัน อาทิ เกาะเสม็ด, ตราบใดยังมีทะเล, Thanks you so much beach, เป็นต้น เรื่องของเพลง หาฟังอยากหน่อยนะครับ เพราะวงพี่ๆเไม่ได้สังกัดค่ายไหน ทำเพลงกันเองเเต่ผลงานดีมากคับ เเต่ถ้าอยากได้เพลงของพวกพี่ๆวง Deep O See
ก็ ลองไปดูใน Hi5 ของ วง Deep O See ก็มีนะคับ http://Deep-O-Sea.hi5.com เข้าไปพูดคุยกับพวกพี่ๆ Deep O See ได้เลยครับ หรือถ้าอยากชมการเเสดงสดของพี่ๆ Deep O See ก็หาชมได้ตามร้าน ที่พี่ๆเขาเล่นได้ ไปดูโปรเเกรมได้ที่ Hi5 ได้เลยครับ
สมาชิกในวงประกอบด้วย
1. ชลขจร ทองพน Vocals
2. ณวรา สรรพอุดร Bass
3. วีรวัฒน์ จันทรกูล Guitar
4. จักรพงษ์ มงคลยศ Drums
5. อนันทกุล เเก้วสำรวย Trumpet
6. กิจขจร พูลสวัสดิ์ Saxophone
7. นพกร เนียมทอง Percussion

ผลงานของวง Ska Chance

ผลงานเพียงบางส่วน

ความเป็นมา วงska chance

    
         Ska Chance (สกาแช้นส์) คือการรวมตัวกันของคนบ้า (ดนตรี) ซึ่งได้เริ่มก่อตั้งวงขึ้นโดยสมาชิก 5 คน ในปี พ.ศ.2550  ประกอบด้วย เก๋ (ร้องนำ), ท็อป (เบส), กอล์ฟ (กีต้าร์), เล็ก (คีย์บอร์ด) และซัน (กลอง) ในนามของวง The Chance (เดอะแช้นส์)  ซึ่งสมาชิกแต่ละคนได้มีการสั่งสมประสบการณ์ในการเล่นดนตรีกลางคืนมาในระดับหนึ่ง  จนโอกาสเดินทางมาถึงส่งผลให้พวกเขาได้เข้ามาอยู่ในสังกัด  EMC Gold โดยการชักนำของคุณป้อม (ร้องนำวงชาตรี)   และพวกเขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นทายาทดนตรี  โดยได้รับมรดกเพลงของวง “ชาตรี” ที่โด่งดังตลอดกาล  และนำมาขับร้องประกอบกับทำดนตรีใหม่พร้อมสร้างสรรค์บทเพลงของตนเองเพิ่มเติมไปด้วย  พวกเขาได้ทำผลงานของตนเองออกมาในแนว Pop และได้เดินหน้าผลิตผลงานเพลงไปแล้วกว่า 70 %  แต่แล้วในที่สุด  จึงค้นพบว่าแนวเพลงนั้นยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง   และได้ค้นหาแนวทางที่เป็นตัวตนของวงมากที่สุดนั่นคือ “SKA” แต่เป็น SKA ที่ใส่ส่วนผสมของ Soul และ Reggaeton ลงไป จนเกิดเป็นแนวเพลงในแบบฉบับของตนเองขึ้น  และได้ทิ้งผลงานที่ทำไปแล้วกว่าครึ่งทางอย่างไม่เสียดาย  เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่วงการเพลงในแบบฉบับของพวกเขาอย่างเต็มตัว พร้อมกับได้มีการเปลี่ยนชื่อวงเป็น “SKA CHANCE (สกาแช้นส์)” เพื่อให้เข้ากับแนวเพลงที่เป็นตัวตนแท้จริงของพวกเขาอีกด้วย
        ต่อมา จากสมาชิกเดิมทั้ง 5 คน  ดวงชะตาได้พลิกผันทำให้พวกเขาได้พบกับเพื่อนร่วมทางเพิ่มอีก 4 คน ประกอบไปด้วย โย (แซกโซโฟน),  ปรี (เพอร์คัสชั่น), มิ้นท์ (ทรอมโบน) และเด (ทรัมเป็ต)  จนถึงปัจจุบัน  Ska Chance  มีสมาชิกทั้งสิ้น 9 คน  ซึ่งนับว่าเป็นการฟอร์มทีมที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว ณ ขณะนี้  หลายครั้งที่ผู้ชมจะเห็นภาพของพวกเขาแสดงดนตรีในแบบฉบับที่มีตลกคั่นรายการ เฮฮากับมุขตลกต่าง ๆ  ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาในการประกอบการแสดง  รวมถึงการร้อง-เล่น-เต้นไป  ของสมาชิกทุกคนในวงอย่างบ้าพลัง  จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของวงไปโดยปริยาย  และนอกจากการแสดงตามร้านประจำต่างๆ นั้น  ที่ผ่านมาได้มีหลายๆ องค์กร และ ผู้ใหญ่ใจดีต่างหยิบยื่นให้โอกาสในงานจ้างการแสดงมาโดยตลอด อาทิเช่น ได้รับโอกาสให้แสดงเป็นวงเปิดในงานชาตรี 33 ปี The Memory Concert ณ อิมแพค อารีน่า, ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 วงดนตรี ที่ได้เล่นในงานของนิตยสาร a day  ตอน “ใครไม่แคร์ สกาแคร์”, Chang World Reggae 2009, HuaHin Honda Summer Festival # 2, Songkran Festival 2009 @ Future Park Rungsit  และงาน Gift Wonder Land @ Central Bangna  เป็นต้น   ถึงแม้ว่าในแต่ละงาน ทางวงจะได้รับทุนทรัพย์ในการจ้างงานแสดงไม่มากก็ตาม แต่ทางวงพึงเล็งเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการสะสมประสบการณ์และเป็นการพัฒนาผีมือได้อย่างดีเยี่ยมอีกหนึ่งทาง ก็เพื่อให้พวกเขา สามารถเผชิญหน้ากับรูปแบบงาน เวที และผู้ชมต่าง ๆ ได้ในหลากหลายประเภท….Chance คือ “โอกาส”  “โอกาส”ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการพัฒนาดนตรีให้เป็นไปตามแบบฉบับที่ตนเองเป็น “โอกาส” ของผู้ฟังที่จะได้สัมผัสรสชาติของดนตรีในแบบใหม่ ๆ ที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่ในกรอบเดิม ๆ  และวันนี้พวกเขาได้มี”โอกาส”แล้ว “โอกาส”ที่สมาชิกทั้ง 9 จะได้เดินไปสู่จุดมุ่งหมายที่ได้ฝันไว้ นั่นคือการได้แบ่งปันความสุขทางดนตรีในแบบฉบับของพวกเขาไปสู่ทุกคน.....
            

วง MoccaGarden

ได้ตั้งวงใหม่ สำหรับ MoccaGarden หลังจากแยกตัวจาก Ok Mocca โดยสมาชิกส่วนใหญ่ก็มาจากวงเดิม มีมือเบสที่มาใหม่เพื่อมาเติมเต็มให้กลับวง สมาชิกในวง Mocca Garden ประกอบด้วย แดง ม้ง นิค โป้ง ต้น จอร์จ ฟาโรห์ และตูน(เจ้าของบทเพลง Ska variety แต่งเองร้องเอง)
ผลงานของ MoccaGarden

ผลงานของ วงTa-mone band

Reward
• พ.ศ.2544
-รางวัลชนะเลิศ
SMA (Silpakorn Music Award)
• พ.ศ.2545
-รางวัลรองชนะเลิศ
Fat  Radio  Rhythm & Horn  # 1
-รางวัลชนะเลิศ
University  music  parade (ดนตรี)
• พ.ศ.2546
-รางวัลนักกิจกรรม
“วงที่ทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของมหาวิยาลัยและสังคม”

ความเป็นมา วง Ta-mone band

ทะโมนแบนด์ (Ta-mone Band)
        ทะโมนแบนด์ ถือเป็นวงดนตรีในแนว Rhythm & Horn ที่ก่อกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2000 ในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะดุริยางคศาสตร์ เป็นวงนักศึกษากลุ่มหนึ่งจำนวน 8 คน ที่มีไอเดียสร้างสรรค์ดนตรีไม่หยุดนิ่ง เสียงดนตรีของพวกเขาเต็มไปด้วยจังหวะ เสียงเครื่องเป่า และความสดใส บวกกับทีมเวิร์คที่เปี่ยมไปด้วยพลังและการันตีคุณภาพฝีมือด้วยรางวัลจาก 3 เวทีประกวด

        ทะโมนมีโอกาสประกวดวงดนตรีในมหาวิทยาลัยศิลปากร และได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ “Silpakorn Music Award” ต่อมาจึงไปประกวดเวทีของคลื่นวิทยุ 104.5 Fat Radio ได้รางวัลรองชนะเลิศ “Fat Radio Rhythm & Horn #1” ต่อมายังได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการ “University Music Parade (ดนตรี)” อีกด้วย ทำให้ทะโมนเป็นที่รู้จักของผู้ฟังเพลงทั่วไป จากการประกวดทั้ง 2 เวทีที่ผ่านมาทำให้ทะโมนได้มีอากาสร่วมงานกับค่ายเพลงใหญ่ๆในประเทศไทย และมีอัลบัมเต็ม 2 ชุดแรกออกมาวางตลาด

        ในปัจจุบันกับผลงานอัลบั้มชุดที่3 ในสังกัด Music in park กับงานดนตรีที่ยังคงความเข้มข้นในแนวดนตรีที่ตนเองถนัด รวมถึงการโชว์สดที่สนุกสนานกว่าเดิม และกระบวนการการบันทึกเสียงโดยได้ฝีมือคน Master เสียงระดับมือหนึ่งของประเทศไทย คุณวู้ดดี้ร่วมกันสรรค์สร้างให้ผลงานชุดนี้ออกมาให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่าเดิมด้วย แถมด้วยผลงานมิวสิควีดีโอในรูปแบบ Animation ที่ไม่เหมือนใครในเพลงเย้เย...เลิฟเลิฟ

เขาทั้ง 7 คนพกพาความสนุกสนานและความครื้นเครงมาฝากสมชื่อ “ทะโมนแบนด์”
“เพลง เย้เย...เลิฟเลิฟ”  เนื้อหาเพลงนี้พวกเค้าพกพาความสนุกสนานและความครื้นเครงกับเพลงบอกรักอย่างจู่โจม...จนต้องโอนใจให้กับพวกเค้าในสไตล์ของ “ทะโมนแบนด์”  
“เพลง You” เนื้อหาเพลงนี้เป็นมุมมองอีกแง่คิดหนึ่งของคนโสดที่ไม่อยากโสดอีกต่อไปพร้อมที่จะเปิดโอกาสที่พบรักใหม่และบอกรักผ่านเสียงเพลงบอกให้เค้ารู้ตัวสักทีว่าคนที่ฉันรักนั้นคือ “You”
Members1. คิม – Vocal 2. แป๊ะ – Trumpet 3. แจ้ – Saxophone 4. รุ่ง – Trombone
5.   นุ๊ก – Guitar 6. จื้อ – Bass  7. มดยักษ์ - Drum

ผลงานของ วงJOFAX

ผลงานบางส่วน

ความเป็นมา วงJoFax


สมาชิกวง1. มะปราง - ร้องนำ 2. สำลี - กลอง  3. ต่าย - ทรัมเป็ต    4. หรั่ง - กีต้าร์  
5. น็อต - เบส     6. ต้อม - กีต้าร์    7. มะขวิด - คีย์บอร์ด

       JOFAX เป็นวงในแนวเพลง POP – SKA ด้วยเนื้อร้องที่มีเอกลักษณ์เป็น POP และมีดนตรีในรูปแบบ SKA เข้ามาผสม จึงทำให้เพลงของ JOFAX สนุกและเข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น

       JOFAX ได้เริ่มก้าวแรกบนเวทีการประกวด “Fat Band Rhythm & Horn” ครั้งที่ 3 หลังจากนั้น JOFAX ได้มีโอกาสทำผลงานเพลงครั้งแรกในชื่ออัลบั้ม Jo Ranger ซึ่งมีผลงานเพลงด้วยกันทั้งหมด จำนวน 4 เพลง และในอัลบั้มนี้ ได้มีเพลง “ต่อจากนี้ไป...ไม่มีเธอ” ติดชาร์จอันดับที่ 8 ของคลื่นวิทยุFM 104.50 Fat Radio และจากผลงานชิ้นนี้ ทำให้ JOFAX ได้ร่วมงานกับค่ายเพลง “สนามหลวง” ใน Project อัลบั้ม Chick Ka Chick โดยในอัลบั้มนี้ได้มีเพลงที่ทุกท่านรับฟังอย่างคุ้นหู ก็คือ “เพลง ขอดาว” และยังมีอีกผลงานเพลง Cover อีก 1 เพลง คือ “เพลง พูดอีกที” จากผลงานเพลงเหล่านี้ ทำให้ JOFAX ได้มีโอกาสขึ้นแสดงดนตรีบนเวทีใหญ่ๆ มากมาย อาทิเช่น คอนเสิร์ต Fat Fest #8, Honda Summer Fest #2, Hic&Tist @Rayong, Hic&Tist @Chiang Mai, Honda Reggae On The Rock, Honda Fun United, Chang World Reggae 2009, Fat Fest #9

        กลับมาคราวนี้กับค่ายใหม่อย่าง Music in park พวกเขา JOFAX มาพร้อมกับเพลงใหม่ “เมื่อไหร่จะเป็นฉัน” เนื้อหาของเพลงนี้เหมาะกับคนโสดที่กำลังอยากมีความรักแต่ต้องปลอบใจตัวเองว่าไม่เห็นเป็นไร อยู่คนเดียวก็มีความสุขดีแต่พอยิ่งเห็นคนที่เค้ามีความรักก็ทนไม่ไหว ได้แต่บอกกับตัวเองว่าแล้ว “เมื่อไหร่จะเป็นฉัน” ที่มีความรักเหมือนใครๆเค้าบ้าง

ผลงานของวง GOLD RED

ผลงานส่วนหนึ่งของวง GOLD RED ที่ผ่านมา

วง Gold red

    


วงนี้เป็นอีกหนึ่งวงเรกเก้ที่อยุในอัลบั้ม Sanamluang Chick-ka-Chick (เพลง"ทิ้งรักลงแม่น้ำ","โลกมลพิษ")วงโกลด์ – เรด (GOLD RED)ที่เดินทางมาจากปักษ์ใต้บ้านเรา และมาพร้อมกับสำเนียงและวิธีคิดแบบทองแดงๆ ที่จริงใจและตรงไปตรงมา ผสมด้วยเสียงร๊อคๆ ของกีตาร์ที่จะทำให้คนฟังรู้สึกแปลกหู และแตกต่าง โดย 6 หนุ่มชาวเร็กเก้ สกาสายพันธุ์ใหม่แท้ ๆ อย่าง “เท – เทวัญ ทองแดง , อั๋น – ปัทเมศ อ่อนทรัพย์ , แบงค์ – วีระวิวรรธน์ คันธารัตนกุล , รี่ – อัศนัย สมเจริญ , แชมป์ – วรพงษ์ สังขะเกต , มิว – ฐปกรณ์ สุระวิโรจน์” ที่ได้มารวมตัวกันจากการร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยใกล้เคียง (ม.ราชภัฏธนบุรี และม.ราชภัฏบ้านสมเด็จ ฯ) พร้อมมีหัวใจรักในเพลงเร็กเก้ สกาเหมือน ๆ กันก่อนหน้านี้วงนี้เคยได้รับรางวัล สุดยอด ในงานOne-2-call! Extreme Dream Awards 2549 ซึ่งในปีนั้นรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ วงใบตอง และรองอันดับ 2 คือวง Lotee ล่าสุด...ได้ผุดอัลบั้มใหม่ออกมาสด ๆ ซิง ๆ ภายใต้ชื่อ “GOLD RED ตามหากางเกงยีนส์” ซึ่งถือเป็นอัลบั้มที่ 4 ของวง หลังจากที่ผ่านประสบการณ์งานเพลงเร็กเก้ สกามาอย่างโชกโชน และในอัลบั้ม “GOLD RED ตามหากางเกงยีนส์” นี้ ก็ได้เตรียมเพลงโดน ๆ มาให้ฟังกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น Ska ทองแดง , กางเกงยีนส์ , Hot ! Angel , หลอกลวง หรือเพลงเต่าไฟ โดยการันตีว่ามันทุกเพลง ให้แฟนเพลงได้พิสูจน์ฝีมือความเป็นตัวจริงของคำว่า เร็กเก้ สกา...งานนี้ “หนุ่มเท – เทวัญ ทองแดง” 

25 ก.พ. 2554

ผลงานTEDDY SKA BAND

ความเป็นมา วง TEDDY SKA BAND

Teddy Ska Band are
1. ปริญญา รัตนชูโต ( แอ๊นท์ ) Lead Vocal
2. เมธี เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ( เม ) Guitar
3. ภาคี นาวี (โย ) Bass
4. การุญ นคร (โชแปง ) Drum
5. ปิยะวิทย์ ขันธศิริ ( แชมป์ ) Violin
6. สายรุ้ง สิบหมื่นเปี่ยม ( รุ้ง ) Trumpet
7. ชัยชนะ มูลเดช ( ต่าย ) Trombone

     Teddy Ska Band เกิดจากสมาชิก 2 คนที่เคยเรียนด้วยกันที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรุงเทพฯ คือ โย และ โชแปง ในตำแหน่งเบส และ กลอง โดยใช้ชื่อในตอนนั้นว่า Skaberry ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งปีได้ร่วมเล่นดนตรีกับนักดนตรีหลายคนเพื่อคัดเลือกสมาชิกเข้าร่วมวง Skaberry จนได้มาเจอ เม ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของโย และ โชแปง ที่ วิทยาลัยนาฏศิลปและ ต้น ซึ่งเล่นดนตรีร้านเดียวกัน ก็เลยชักชวน เม มาเป็นมือกีตาร์ของวง แต่ในตอนนั้น ต้น ยังเรียนอยู่ เลยไม่สามารถร่วมวง Skaberry ได้ เลยได้ไปชักชวน ตุ๊กตา สุจิตรา ลิกขไชย มาร้องนำ และ ได้ทำอัลบั้มกับค่าย Genie Record 1 อัลบั้ม โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า Skaberry ในปี 2005
     หลังจากที่ได้ออกอัลบั้มไปแล้ว ตุ๊กตา ก้อได้แยกตัวออกไป ด้วยเหตุผลส่วนตัว เลยชวน ต้น กลับมาร้องนำ โดยเปลี่ยนชื่อวงเป็น Teddy Ska Band สมาชิกทั้ง 4 ก้อได้ตะเวนเล่นดนตรี ตามผับ ในแนว Ska ซึ่ง ได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้ฟังเกินคาด เพราะผับที่เล่นแนวนี่มีค่อนข้างน้อย ด้วยดนตรี Ska ที่มีจังหวะสนุก และ โชว์ที่ค่อนข้างแหวกแนว ทำให้วงเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น เพื่อต้องการสีสันเพิ่ม จึงได้ชวน แชมป์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรุงเทพฯ มาเล่น ไวโอลิน ในแบบ Ska,รุ้ง และต่าย ซึ่งเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยราชภัฎ พระนคร ของ เม และ ต้น มาเล่น ทรัมเป็ต และ ทรอมโบนตามลำดับ ทำให้วงมีความสมบูรณ์มากขึ้น และได้การตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ
     ปัจจุบัน Teddy Ska Band เล่นอยู่ที่ Brick Bar ถ.ข้าวสาร ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ เวลาตั้งแต่เที่ยงคืน เป็นต้นไป และ ร่วมเล่นงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Ska Reggae หลายงานด้วยกัน และตอนนี้ทำอัลบั้มโดยไม่สังกัดค่ายเพลง
ปัจจุบันต้นได้ขอแยกตัวไปจากวงด้วยเหตุผลส่วนตัว เลยได้แอ๊นท์ซึ่งเคยร้องกับวงแนวดิสโก้ชื่อบิ๊กแด๊ดดี้ มาร้องนำแทน

ผลงานของ SRIRAJAH ROCKERS


ศรีราชา ร็อคเกอร์ ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของนิตยสาร HAMBERGER  และได้เข้ารับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของ SEASON AWARD และ FAT AWARDในปี2007 และล่าสุดได้ร่วมงานกับ BIBIM PRODUCTION / WINDY CITY ศิลปินจากประเทศเกาหลีใต้ อัลบั้ม BIBIM MEETS SRIRAJAH ROCKERS ซึ่งกำลังจะวางแผงในประเทศเกาหลีใต้และไทย

อัลบั้ม: Youth Explosion!

อัลบั้ม: Thailand Reggae Ska Paradise

ความเป็นมาวง SRIRAJAH ROCKERS

SRIRAJAH ROCKERS  ประกอบด้วย
วิน   ชูจิตารมย์  <วิน> BUBU#MAN A.K.A. ร้องนำ / กลอง/ เนื้อร้อง,ทำนอง
ธนาคาร โมกขะสมิต  <แบงค์> 84NK A.K.A.   กีต้าร์ / DUB WISE / ร้องประสาน
กษมา   ลี้ตระกูล   <หวาย> RAS OFFICE A.K.A.    ฟลุต / ร้องประสาน
นรา  เจนประภาพันธ์  <หยิน>    เบส 
ชนัฏ   อิศรางกูล ณ อยุธยา  <บอล> SURE A.K.A.   คีย์บอร์ด / เมโลเดียน /ร้องประสาน

SRIRAJAH ROCKERS      เป็นวงดนตรีที่มาจากเพื่อน โดยร่วมกันใช้จินตนาการ ร่วมกับความรู้สึกที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกและความคิดสร้างสรรค์ของช่วงเวลาหนึ่งของวัยรุ่น ที่มีมุมมองและทัศนคติ จากความรู้สึกจริงต่อสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง เป็นวัตถุนิยมและโลกาธิปไตย อย่างเต็มตัว  เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขัดจังหวะกระบวนการและระบบเหล่านี้ [BABYLON SYSTEM]   เพื่อให้ผู้เสพ ผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ได้สัมผัสมุมมองที่แปลกใหม่ อย่างสร้างสรรค์
       เราจริงใจที่จะนำเสนอเพลง REGGAE ที่ถูกต้อง โดยมีจังหวะที่ค่อนข้างช้า ให้ควบคู่กับสังคมไทยในปัจจุบัน ที่มีแนวคิดชัดเจน ละเอียดอ่อน และมีอุดมการณ์ ที่เค้าว่ากันว่ากินไม่ได้ เพราะอุดมการณ์ไม่ใช่ขนม แต่คือสามัญสำนึก ความรู้สึกนึกคิด ที่อยากจะเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีอย่างสร้างสรรค์เนื้อหาของเพลงจะไม่ค่อยพูดถึงความรัก เพราะตอนนี้เยาวชนไทยกำลังถูกหล่อหลอมให้หมกมุ่นกับเรื่องความรักมากเกินไป จากสื่อทุกแขนง ที่ต้องการเพียงแค่เงิน
       เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยปลูกจิตสำนึกเล็กๆ สู่การจุดประกายเล็กๆ เพื่อสานต่อในวันข้างหน้า ไม่มากก็น้อย ด้วยเหตุนี้เอง เราอยากให้ประเทศไทยเจริญทางด้านจิตใจมากกว่าเทคโนโลยี
แรงบันดาลใจในการทำเพลงเร็กเก้  เพลงเร็กเก้เป็นเพลงที่สนุกเต้นได้แบบไม่เหนื่อยมาก มีความเพราะที่อยู่ในเนื้อหาที่ค่อนข้างชัดเจนในแต่ละด้าน  มีจังหวะที่มีความเป็นเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ เป็นเพลงที่มีการเล่นกับพื้นที่ว่างของดนตรี ที่ไม่เน้นทฤษฎี แต่เน้นความรู้สึกจาก รูป รส กลิ่น เสียง มีความน่าค้นหาและน่าทดลอง  เราจึงมีความประทับใจอย่างมากกับเร็กเก้ และcultureต่างๆ จึงเลือกที่จะฟังและเล่นเร็กเก้ แต่เราก็ไม่เคยลืมว่าจริงๆแล้ว  พื้นฐานของเรา  รากของเราคืออะไร   REGGAE ในยุค70-80นั้นมีความคล้ายกับลูกทุ่งไทย ทั้งเสียง สี และเนื้อหาตรงไปตรงมา จริงใจ ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติ ชาวบ้าน และความนุ่นนวล ที่บางเพลงและบางศิลปินแฝงด้วยเนื้อหาถึงการต่อสู้ การต่อต้านการแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว การเสียดสีต่อสังคม ระบบและคน เอารัดเอาเปรียบ
REGGAE ไม่ใช่เพียงแค่เพลงหรือแฟชั่น แต่เป็นส่วนหนึ่งของลัทธิ RASTAFARI ที่มีแนวคิด มุมมอง และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ด้วยความรักและสันติภาพ [PEACE & LOVE]

SRIRAJAH ROCKERS
มาจากชื่อของอำเภอศรีราชา rockers ในจาไมก้าเรียกเพลง reggae ว่าเป็นเพลง rock และได้แรงบัลดาลใจมาจากหนัง เรื่อง rockers is dangerous
HISTORY
ศรีราชาร๊อคเกอร์เริ่มจาก วิน กอล์ฟ ต๋อง(อตีตมือกีต้าร์) โดยพื้นฐานเป็นคนศรีราชาโดยกำเนิดที่มีชอบในเพลงเร็กเก้ที่เหมือนกัน เริ่มเล่นดนตรีเร็กเก้ และเขียนเพลงมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมจนเปลี่ยนได้มีการเพิ่มและเปลี่ยนสมาชิกมาเป็น SRIRAJAH ROCKERS ปัจจุบันและได้นำเพลงที่ทำไว้ให้พี่ GA-PIฟังที่บ้านศรีราชามาเรื่อยๆ โดยได้คำแนะนำจากพี่GA-PI และได้โอกาสได้ทำเพลงร่วมกับพี่GA-PIจนออกมาเป็นอัลบั้ม ศรีราชา ร๊อคเกอร์
INSPIRATION
แรงบัลดาลใจในการทำเพลงเร็กเก้ เพลงเร็กเก้เป็นเพลงที่สนุกเต้นได้แบบไม่เหนื่อยมาก มีความเพราะที่อยู่ในเนื้อหาที่ข้อนข้างชัดเจนในแต่ละด้านมีจังหวะที่มีความเป็นเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ เป็นเพลงที่มีการเล่นกับพื้นที่ว่างของดนตรี และมีความน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูกเราจึงมีความประทับใจอย่างมากกับเร็กเก้ และcultureต่างๆ จึงเลือกที่จะฟังและเล่นเร็กเก้ แต่เราก็ไม่เคยลืมว่าจริงๆแล้ว พื้นฐานของเราคืออะไร เราคือลูกทุ่งโดยกำเนิด
ศิลปินที่ชื่นชอบ ทีโบน,The soul syndicate,The skatalite,Jackie mittoo,Linval Thompson,The Mighty Diamonds,Zimbabwe Dread,K2r riddim,Dry&heavy  ฯลฯ

ผลงานที่ผ่านมาของThe Superglasses Ska Ensemble


ผลงานที่ผ่านมา
- ชนะเลิศโครงการ “Connect Me If Can” ของค่ายสนามหลวง
- ชนะเลิศ”Sanmiguel Music Ska Series”
- ผลงานเพลง น้ำแข็งไส และฤดูร้อน ในอัลบั้ม “Chick – Ka – Chick”
- ผลงานเพลง ฤดูร้อน (Ska Version) ในอัลบั้ม Sanamluang Connect #4
- เพลงประกอบโฆษณา เนสกาแฟ ในเพลง “นิดนึง”
- Pai reggae / Ska Music Festival ครั้งที่ 3 และ 4
- Honda Summer Festival Huahin ครั้งที่ 1 และ 2
- KTD Music Festival Rock On The Beach
- Hic&Tic Reggae Ska Music Festival
- Koh Tao Music Festival
- เทศกาลดนตรี “Fat Festival”
- Late fel Music Festival 2008 (สมาคมฝรั่งเศส)
- สบายบาร์ เกาะช้าง
- Khonkaen Full Moon Party
- We Love Bob Maley กาณจนบุรี
- Seed FM. Road Show Pattaya
- Hot Wave โชว์พาวด์
- Silpakorn Jazz festival ร่วมกับวงดนตรี Jazz กว่า 30 วง
- This is ska (Ska Party)
- Gekko Bar ไร่เลห์ กระบี่
- Cill Out อ่าวต้นไทร กระบี่
- Campus Tour ม.ศิลปากร, ม.ลาดกระบังฯ, ม.กรุงเทพ, ม.ธรรมศาสตร์ ฯลฯ
- ฯลฯ

ประวัติThe Superglasses Ska Ensemble

คณะมโหรีดนตรีสกา The Super Glasses Ska Ensemble

The Super Glasses Ska Ensemble Member
1. อุ้ย    –  พันธดนย์ เจษฏารมย์ (ทรอมโบน)
2. รูดี้    –  วรุตม์ สมานทรัพย์ (ทรัมเป็ต)
3. สุบิน  –  ปริญญา พัฒน์สีทอง (ทรัมเป็ต)
4. ปิง    –  ธนะสันต์ ศรีฉ่ำ (กีต้าร์)
5. อาร์ท  –  กิตติวงษ์ ชุมแสง (กลอง)
6. แม็ก   –  อาสนัย อาตม์สกุล (นักร้อง)
7. พู่กัน   –  ภู่กันต์ ดอกนางแย้ม (นักร้อง)
8. ปอม  –  สมสกุล อาตม์สกุล (คีบอร์ด)
9. ตั้ม    –  รณวิชัย สิงห์สุข (เบส)
10. ปอย   –  จักรี พิพัฒน์โสทร (เพอร์คัสชั่น)

คณะมโหรีดนตรีสกา The Super Glasses Ska Ensemble (เดอะ ซุปเปอร์กลาสเสส สกา อองซอมเบิล) ที่จะทำให้อุณหภูมิของใจคนฟังสูงขึ้นไปพร้อม ๆ กับ ความคึกคัก ครื้นเครงไปกับการร้องเล่นเพลงสกาจากสมาชิกที่พลุกพล่านทั้ง 10 คนพวกเราเป็นพี่น้องผองเพื่อนกันที่มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ จากคน ๆ หนึ่งอยากจะมีวงสกาสนุก ๆ คนเยอะ ๆ สักวง จนไปชวนคนโน้นคนนี้ และกลายมาเป็นคณะมโหรี ดนตรีสกา The Super Glasses Ska Ensemble ในที่สุด  หลังจากนั้นได้ไปขอ ออดิชั่นเล่นตามร้านต่าง ๆ แต่ในยุคนั้น ดนตรี Reggae, Ska ยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก จนได้มาเล่นที่ร้าน Bird Eye View ถนนข้าวสาร และได้ส่งผลงานเข้าประกวด “Connect Me If You Can” ที่ทางค่ายสนามหลวงจัดขึ้นเป็นการจัดประกวดคัฟเวอร์เพลงของแกรมมี่ ครั้งนั้นได้รับรางวัลชนะเลิศ ด้วยการเรียบเรียงเพลงฤดูร้อน ของวง Paradox  ออกมาในแบบสกา
จากนั้นเป็นต้นมาพวกเราได้ช่วยกันหาแนวทางและจุดยืนของวงจนมาหยุดที่แนวทางสกาแบบดั้งเดิมของจาไมก้า (Mento) ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไหน ๆ ก็จะเอาจริงเรื่องเพลงสกาแล้วก็ขอเอาดีแบบรากแบบดั้งเดิมเลยดีกว่า แล้วก็ผสมความเป็นไทยเข้าไปด้วย จนออกมาเป็นแบบเรา” แล้วก็ได้ออกเดินทางเล่นดนตรีไปตามเกาะต่าง ๆ , มหาวิทยาลัย, ปาร์ตี้และเฟสติวัลต่าง ๆ เพื่อเก็บประสบการณ์ และได้เข้าร่วมโปรเจ็คค่ายสนามหลวงร่วมกับวงเร็กเก้ สกา อีก 3 วง โดยส่งเพลงเข้าร่วม 2 เพลง คือ เพลง “น้ำแข็งไส” และ เพลง “ฤดูร้อน” (คัฟเวอร์) ในอัลบั้ม Chick – Ka – Chick นอกจากนี้The Superglasses ยังได้รับรางวัลชนะเลิศจากคัฟเวอร์เพลงของวงสกาหมายเลข1ของเมืองไทยคือ T-bone มาทำใหม่ในแบบของ Superglasses ในงาน Sanmikeul Muzik Fest. ตอน Ska Serie  
 ก่อนที่อัลบั้มเต็มจะออก Superglasses ได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินเร็กเก้ระดับตำนานของเมืองไทยอีกคนนึง ที่เป็นที่ยอมรับในผลงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ น้าจ๊อบ บรรจบ พลอินทร์ หรือ Job2do เจ้าของเพลงดัง ดูเธอทำ ในเพลงที่ชื่อว่า ลมหวน ที่ได้อาร์ทจากวง Somrom Band วงเร็กเก้รุ่นใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียงมากในแถบภาคใต้มาทำหน้าที่เขียนเนื้อร้องให้โดยวง Superglasses จะเป็นคนเล่นและ Job2do จะเป็นคนร้อง โดยรายได้จากขายซีดี และ ยอดดาวโหลดจะนำไปบริจาคให้โรงเรียน  ป่ากล้วยพัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวลล้อมที่ น้าจ๊อบ กับเพื่อนๆรวมกลุ่มกันรณรงค์พิทักษ์สิ่งแวลล้อม
ในขณะนี้ The Superglasses Ska Ensemble ได้ออกอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในสังกัดค่ายเพลงอิสระ ภายใต้การโปรดิวซ์ของ คุณนครินทร์  ธีระภินันท์ (พี่กอร์ฟ วงT-bone) ในอัลบั้มที่ชื่อว่า Dancing Mood โดยในอัลบั้มนี้ได้รู้สึกเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสนำเพลงเก่าของ ทีโบน ในอัลบั้มแรกที่แต่งโดย พี่จิกประภาส ชลศรานนท ์ นำมาทำดนตรีใหม่ในแบบของพวกเราลงในอัลบั้มนี้ด้วยในเพลง”สีเดียว”และยังพี่ที่เป็น Idol ของพวกเราอีกคนคือ พี่ต้าร์ Paradox เขียนให้เราอีก 2 เพลงคือเพลง “ว้าเหว่”และ”นิดนึง”

ผลงานของ จ๊อบ บรรจบ



ผลงาน
  • "ฟรีเลิฟ" (ออกในนาม "เดอะเดวิล" กับ มิสโดโรที ลีแมนซิกค์ และ มานะ หวายนำ) (2529-LIGO)
  • Job 2 Do (2543-MGA)
  • นุ๊กกันนิคุณ (2547)
  • PP Princess Paradise (คลื่นกระซิบสั่ง)
  • บันทึกการแสดงสด Tsunami Aid Concert Live (2548)
  • No War (2549-BKP)
  • YAN unplug (2550-Here)
  • บันทึกการแสดงสด บิลลาบอง เกาะลิบง (2550)
  • สภาวะโลกร้อน (2551)

ประวัติของ จ๊อบ บรรจบ

บรรจบ พลอินทร์ หรือ จ๊อบ บรรจบ (16 ธันวาคม พ.ศ. 2501 - ) นักร้อง และนักดนตรีแนวเร็กเก้ ชาวไทย มีชื่อในการแสดงว่าวง Job 2 Do
บรรจบ พลอินทร์ เกิดที่ตำบลหนองตรุด อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง มีชื่อเล่นว่า จบ ไปใช้ชีวิตเล่นดนตรีตามสวนสาธารณะ และงานเทศกาลต่างๆ ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ นานถึง 17 ปี เพื่อนนักดนตรีต่างชาติเรียกว่า จ๊อบ จึงใช้ชื่อนี้ในการเล่นดนตรี เคยได้รับรางวัลศิลปินข้างถนนยอดเยี่ยม จัดประกวดที่ รอยัลคอนเสิร์ต ฮอลล์ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2538 มีผลงานบันทึกเสียงชุดแรกเมื่อ พ.ศ. 2543 ชื่อชุด Job 2 Do กับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม สีสันอวอร์ด ประจำปี พ.ศ. 2543 เมื่อกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544
จ๊อบ บรรจบ แต่งงานแล้วกับ Dorothy Lemanczyk พลอินทร์ ภรรยาชาวเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่แถบทะเลอันดามัน จังหวัดกระบี่ และเล่นดนตรีเพื่อสังคม
ผลงานชุดล่าสุดของ บรรจบ พลอินทร์ เริ่มเป็นที่นิยม เนื่องจากเพลง "ลืมไม่ลง" ได้รับเลือกเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง สวยลากไส้ และเพลง "แด่คนช่างฝัน" ได้รับเลือกเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ พลอย ของ เป็นเอก รัตนเรือง
ในปี พ.ศ. 2551 เพลง "ดูเธอทำ" ยังได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาทางโทรทัศน์ ของผลิตภัณฑ์รังนกตราสก๊อตต์

ผลงานของวง Kai-Jo Brothers

ผลงานบางส่วน

ความเป็นมา วง Kai-Jo Brothers

Kai-Jo Brothers (ไค-โจ บราเธอร์ส) คือ 10 คนดนตรีที่มีสไตล์ พร้อมสร้างสรรค์ผลงานในแบบของตนเอง ด้วยส่วนผสมดนตรีในแบบเร็กเก้, สกา, ร็อกสเตดี้, โซล เมื่อบวกกับความเป็นไทยแล้ว ทั้งหมดจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ ที่เรียกกันว่า New Root Reggae ที่ทำเอาโดนใจเด็กรุ่นใหม่ไปเต็มๆ ถือเป็นวงดนตรีเร็กเก้ อันดับต้นๆของประเทศไทย ด้วยเสียงร้อง และการแร๊พแบบ "Rgga Muffin" พร้อมเนื้อหาเพลงที่สนุก, ประหลาด, กวนประสาท แถมมีปรัชญาชีวิตครบถ้วน รวมทั้งการแสดงสดอันสนุกสนาน เร้าใจ ทำให้คนฟังสนุกสนานกันแบบเต็มที่ เรียกว่า ไค-โจ บราเธอร์ส เป็นวงหนึ่งที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ หันมาสนใจดนตรีสไตล์เร็กเก้กันเป็นแถว เคยมีผลงานออกมาแล้วมากมาย อาทิ ปี 2002 อัลบั้มเต็มชุดแรก "Paradise", ปี 2005 กับซิงเกิ้ล "Took Took Breakdown", ปี 2006 อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 "Reggae Passion", ปี 2007 กับ Special Album "Kai-Jo Brothers DUB" และในปีนี้ 2008 พวกเขาพร้อมแล้วกับอัลบั้มชุดที่ 3 Born to be free ภายใต้ Concept โดนใจ อิสระของดนตรี จะปลดปล่อยอิสระของหัวใจ และร่วมสนุกสนานไปกับเสียงเพลงของไคโจ

ผลงานของ T-Bone

อัลบั้ม
 
1 จังหวะนี้ใจดีเข้ากระดูกดำ(พ.ศ. 2535)

2.คุณนายสะอาด (พ.ศ.2536)
3.เล็ก ชิ้น สด (พ.ศ.2537)
4.กอด (พ.ศ. 2540)
5.Enjoy Yoursel (พ.ศ. 2548)
อีพีและซิงเกิล
1.เบาหวาน (พ.ศ. 2541)

2.มนต์รักเพลงสกา (พ.ศ.2546)
3.ขอบฟ้าเดียวกัน (พ.ศ.2549)

ความเป็นมา วง T-Bone

ทีโบน เริ่มต้นวงยุคแรกจากการเล่นประจำที่ร้านบลูมูน และร้านบลูยีนส์ โดยชื่อวง ‘ทีโบน’ นั้นนำมาจากป้ายชื่อยีห้อของกางเกงยีนส์ที่ แก๊ป-เจษฎา ธีระภินันท์ ออกแบบขาย ต่อมาทีโบนได้ไปแจมเล่นอะคูสติกกับ โอ๋ (ธีร์ ไชยเดช) ที่ร้านแซ็กโซโฟน ซึ่งเล่นมาจนถึงวันนี้นับเป็นเวลาร่วม 20 กว่าปีแล้ว และด้วยประโยค “สนใจมาเป็นซูปเปอร์สตาร์มั้ย?” คำชวนแบบทีเล่นทีจริงจาก จิก (ประภาส ชลศรานนท์) ที่มองเห็นความสามารถของวงนี้ และชักชวนให้ทีโบนเข้ามาอยู่ในวงการเป็นศิลปินออกเทปทำงานด้วยกัน จึงทำให้เกิด ‘ทีโบน’ ชุดแรกขึ้นมา
จากอัลบั้มชุดแรกของทีโบนนั้นได้มีเพลงฮิตอย่าง ‘เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม’ เกิดขึ้นมาประดับวงการทำให้วงทีโบนเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ ต่อมาทีโบนออกอัลบั้มชุดที่ 2 ‘คุณนายสะอาด’ และเมื่อจบอัลบั้มชุดที่ 3 ‘เล็ก ชิ้น สด’ ที่มีเพลงเพราะอย่าง ‘แรงดึงดูด’ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เมื่อเปิ้ล (เจ้าของเสียงร้องในเพลง ‘เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม’) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และทีโบนก็หมดสัญญากับทางค่ายมูเซอร์ และวอร์นเนอร์ มิวสิก จึงได้ย้ายมาอยู่กับ โซนี่ มิวสิก แทน ต่อมาทีโบนทำอัลบั้มชุดที่ 4 ‘กอด’ โดยมีเพลงดังอย่าง ‘ดาวตก’ ‘กอด’ ‘กลิ่น’ และอัลบั้มชุดพิเศษเพลงอะคูสติก 5 เพลงชื่ออัลบั้ม “เบาหวาน” นั่นคือผลงานทั้งหมดของทีโบนที่เป็นสตูดิโออัลบั้มจริงๆ
หลังจากออกจากค่ายโซนี่ มิวสิก ทีโบนก็มาสร้างค่ายเพลงของตัวเองในชื่อ หัวลำโพง ริดดิม แล้วออกอัลบั้มชุด ‘Live!’ กับซีดีบันทึกการแสดงสดเพียงเท่านี้ แต่สมาชิกในวงยังมีผลงานเดี่ยวของตัวเอง อาทิ แก๊ป ทีโบน กับซิงเกิ้ล GA-PI DUBKITCHEN และ หนุ่ม ทีโบน กับซิงเกิ้ล NUM T-BONE XXX เป็นต้น โหน่งได้ทำวงดนตรีในแนว electronic lounge music ในนาม The Photo Sticker Machine ถึงแม้ว่าสมาชิกในวงจะมีผลงานออกมา แต่วงทีโบนยังรวมตัวเล่นดนตรีกันอย่างเหนียวแน่น และเมื่อเปิดการแสดงครั้งใดวงทีโบนก็ยังได้รับการสนับสนุนจากแฟนเพลงอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด
เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 ทีโบนร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีกลางแจ้ง Glastonbury ที่อังกฤษ และในกลางปี พ.ศ. 2549 ทีโบนได้ไปร่วมแสดงคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรี Womad ที่ประเทศสิงคโปร์
อัลบั้ม Enjoy Yourself เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 ถัดจากอัลบั้มที่ 4 ถึง 8 ปี ซาวนด์มีความสดของการเป็นวงทีโบน เพลงในอัลบั้มนี้จะอัดสด และการโซโล่ทุกไลน์เป็นการอิมโพรไวส์ (improvise)

24 ก.พ. 2554

วงBabyhead

ก่อตั้งเมื่อปี 1995 กลุ่มศิลปิน Indy ที่มาแรงที่สุดในเกาะอังกฤษ เป็น Ska, Reggae สมัยใหม่แบบลูกผสม มีการใช้เครื่องเป่าผสมกับ Turntable และมี Sound Bass ที่หนักแบบ HipHop ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ Baby head มีฐานแฟนเพิ่มขึ้นในเวลารวดเร็ว เป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ Babyhead กลายเป็นขาประจำที่ได้ไปแสดงสดในเทศกาลดนตรี Glastonbury ทุกๆ ปีอีกด้วย

วงPrince Fatty & Little Roy

Prince Fatty เริ่มก่อตั้งและรวมตัวโดย Mike Pelanconi, Producer ผู้อยู่เบื่องหลังของศิลปินดังๆ เช่น Lilly Allen’s Smash “ Alright Still”
     Prince Fatty & Little Roy เป็นวงที่มีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่องแทบทุกปี จึงทำให้วงเก่าแก่วงนี้ไม่เคยตกยุคและมีตารางทัวร์อยู่อย่างต่อเนื่อง ในปี 2008 Print Fatty & Little Roy เคยมาเปิดการแสดงที่ประเทศไทยและได้รับการตอบรับที่ดีมาก




วงSka Cubano


วงดนตรีแนว Ska มีความสนุกสนานผสมกับกลิ่นอายของดนตรีในแถบคิวบา  วงนี้เป็นวงดนตรีที่มีความหลากหลายมาก  เพราะนักดนตรีในวง เป็นนักดนตรีที่เล่นแนวต่างๆกันไปมารวมตัวกันวงนี้จึงมีทั้งความเป็น  ska, mambo, rumba,
rock  และ  reggae  Ska Cubano เป็นวงที่เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์มากทีเดียว  เพลงวงนี้ค่อนข้างที่จะต่างจากวง Ska  วงอื่นๆ  เพราะมันค่อนข้างออกไปทางคิวบามากกว่าจาไมก้า  ทำให้ดนตรีของ Ska Cubano มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว ความตั้งใจของ Peter Scott โปรโมทเตอร์ ชาวอังกฤษที่จะนำเอาเพลงทางแถบคิวบาและจาไมก้ามาเล่นในยุโรปทำให้เกิด Ska Cubano ขึ้นมา สมาชิกในวงได้แก่ Beny Billy นักร้อง, Nathan Lerner นักร้อง, Rey Crespo มือเบส, Jesus Cutino, Oreste Noda , Reuben White  มือกลอง , Megumi Mesaku มือแซ็กโซโฟน และ  Eddi "Tan Tan" Thornton  มือทรัมเป็ต

ประวัติวง Skatalites


ต้นปี 1960 ได้เห็นไม่เพียง แต่การสร้าง Ska เป็นสไตล์ดนตรีที่แตกต่าง แต่ยังผ่านการทำงานของบรรดาผู้เล่นและผลิต Ska, การเจริญเติบโตและการเพิ่มประสิทธิภาพของ ในปี ค.ศ. 1962 หนึ่งในจาไมก้าที่มีชื่อเสียงที่สุด saxophonists อายุ, Tommy McCook, กลับไปอยู่ในจาเมกา เขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่สำคัญเพื่อการสร้างของสไตล์ดนตรี 
เป็นนักดนตรีแจ๊ส McCook มีฝีมือที่มีความสามารถไม่มากที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของ Ska ดนตรี ภายในปีหลังกลับมาของเขาเพื่อจาเมกาเขาอาจจะพบว่าการเล่นและการบันทึกเสียงกับกลุ่มของนักดนตรีชั้นนำในประเทศอาจจะมีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่พวกเขาถูก Don Drummond ผู้เล่นทรอมโบน  ยังได้ร่วมเล่นกีต้าร์ Jah เจอร์รี่, Jackie MITTO เปียโน, Lloyd Brevett บนเบส, Lloyd Knibbs บนกลองและ Roland'Al'Alphonso ผู้ที่ชอบ McCook, เล่นแซกโซโฟนอายุ หลังจาก'หวิว'Johnny Moore ถูกนำเข้ามาในกลุ่มที่จะเล่นแตร
กลุ่มบันทึกเพลงของพวกเขาที่สตูดิโอหนึ่งและตอบสนองได้เป็นอย่างดี Ska  ได้ยินเสียงแฟนใหม่ของพวกเขาเป็นครั้งแรกคือซ้ายที่ต้องการรู้ว่าใครคือนักดนตรี  เนื่องจากความต้องการที่นิยมพวกเขาพบเกือบจะในทันที, McCook เปล่งเสียงความคิดที่ว่าพวกเขาอย่างเป็นทางการควรตั้งวงและถาม Brevett McCook จะนำไปนำไป McCook ที่ตกลงกันไว้และหนึ่งในที่สุดที่มีชื่อเสียงและจำที่ดี่ที่สุดวง ska,skatalites, ได้เกิดขึ้น

ประวัติของ Bob marley (ต่อ)

บ็อบ มาเลย์กลับมาแสดงคอนเสิร์ต One Love ที่จาไมก้าอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 1978 และได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการให้ประธานาธิบดี และผู้นำฝ่ายค้านขึ้นไปจับมือกันบนเวที และจับมือกัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาได้รับรางวัล The United Nations' Peace Medal ในเดือนมิถุนายน 1978 นั่นเอง
 
ปี 1980 เป็นผู้นำในการเฉลิมฉลองการประกาศอิสรภาพของซิมบับเวย์ 
เดือนกันยายน 1980 บ็อบ มาเลย์ล้มลงขณะที่กำลังจ้อกกิ้งใน Central Park สวนสาธารณะกลางมหานครนิวยอร์คที่พำนักอยู่ ตรวจพบว่ามะเร็งลุกลามไปยังปอดและสมอง
 
บ็อบ มาเลย์ยังคงบินไปแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ Stanley Theatre นครพิตสเบิร์ก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1980 ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่นิวยอร์ค คณะแพทย์ก็ลงความเห็นว่าหมดหวัง บ็อบ มาเลย์อยากจะกลับจาไมก้าบ้านเกิด แต่ไปไม่ไหว จึงแวะพักที่นครไมอามี และจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1981 ด้วยวัยเพียง 36 ปีเท่านั้นศพถูกนำกลับมาฝังไว้ที่บ้านเกิดในจาไมก้า ศพของบ๊อบ มาร์เลย์ ถูกนำไปฝังบ้านเกิดที่หลักเก้า ศพนอนภายในโลงสีบรอนซ์สวมเจ็คเก็ตผ้าเดนิม นิ้วมือขวาวางบนคัมภีร์ไบเบิลเปิดกางไว้ที่ บท psalm 23  ส่วนมือซ้าย วางทาบบนกีตาร์ กิ๊บสัน - เลสพอล สีเเดงเพลิงกีตาร์คู่ใจของเขา...อำลาเจ้านกสันติภาพ 


 

ประวัติของ Bob marley (ต่อ)

สิ่งพิเศษที่มีอยู่ในตัวเขาก็คือวิธีการประพันธ์เนื้อเพลงที่สะท้อนมุมมองทางการเมือง ชีวิต และสังคมที่เฉียบแหลม คมคาย และหยั่งรากลึกสู่จิตวิญญาณ สถานการณ์พื้นฐานในทศวรรษที่ 1960-1970 นั้น ความขัดแย้งเรื่องสีผิวยังมีอยู่สูง คนผิวสีจึงเป็นเพียงพลเมืองชั้น 2 

ท่ามกลางระบบความคิดแบบเหยียดผิวของพวกแองโกล-แซกซอน (Anglo-Saxon)นั้น เขาใช้ดนตรีเป็นสื่อในการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ผ่านกีตาร์ตัวหนึ่ง กับฮาโมนิการ์คู่ใจ ร้องเพลงเพื่อสะท้อนปัญหาอย่างทรงพลัง ดนตรีเร็กเก้ที่บ็อบนำมาขับกล่อมนั้น ถูกขบวนการคนผิวดำและต่อต้านลัทธิเหยียดผิวบางกลุ่มนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงประเด็นทางสังคม เช่น กลุ่มรัสตาฟารี (Rasta Farians) และต่อมาเร็กเก้ก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนผิวขาวในตอนปลายทศวรรษ 1960

บ็อบ มาร์เลย์ทำให้ดนตรีเร็กเกเฟื่องฟูมากที่สุดในทศวรรษที่ 1970 เขาตั้งวงชื่อ "บ็อบ มาร์เลย์ แอนด์ เดอะ เวลเลอร์ส" (Bob Marley and the Wailers) ขึ้นในปี 1964 นับเป็นศิลปินเพลงเร็กเกคณะแรกที่โด่งดังไปทั่วโลก ในปี 1975 ได้ไปเปิดการแสดงที่ลอสแอนเจลิส ผู้คนคลั่งไคล้มาก เพลงฮิตเพลงแรกในอังกฤษคือ No Woman No Cry ในปี 1975 และ Jamming ในปี 1977 และ One Love ในปี 1984 

บ็อบ มาเลย์แต่งงานกับริต้าในปี 1975 ประธานาธิบดีไมเคิล แมนเลย์แห่งจาไมกาสนับสนุนให้เขาจัดคอนเสิร์ตฟรี ในวันที่ 5 ธันวาคม 1975 นั้นเอง แต่ปรากฎว่าก่อนหน้า 2 วัน มีกลุ่มมือปืนมาดักยิงตัวเขา ริต้า และผู้จัดการวงดนตรี แต่โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต เขายังคงเดินหน้าแสดงคอนเสิร์ตต่อไปทั้ง ๆ ที่ใช้ผ้าคล้องแขนกับคอเพราะบาดเจ็บ

ปี 1976 บ็อบ มาเลย์ต้องงดรายการคอนเสิร์ตทัวร์ทั่วยุโรป เนื่องจากตรวจพบเป็นมะเร็งที่เท้าขวา อันเนื่องมาบาดแผลระหว่างการเล่นฟุตบอลในอดีตแล้วละเลยไม่รักษา